เรื่อง ดีๆสำหรับเพื่อนๆ

มีคน 2 คนเป็นเพื่อนซี้กัน..
ต่างร่วมเดินทางไปในทะเลทราย... ระหว่างทาง..เกิดโต้เถียงขัดแย้งไม่เข้าใจกัน

เพื่อนคนหนึ่ง...พลั้งลงมือ...ตบหน้าอีกฝ่าย
ฝ่ายถูกทำร้าย...เจ็บปวด...แต่ไม่เอ่ยวาจา กลับเขียนลงบนผืนทรายว่า....

"วันนี้...ฉันถูกเพื่อนรักตบหน้า"

ทั้งสองยังคงเดินทางต่อ...กระทั่งถึงแหล่งน้ำ
พวกเขาตัดสินใจอาบน้ำ...ชำระกาย

พลัน..คนที่ถูกตบหน้ากลับจมน้ำ เพื่อนอีกคนไม่รั้งรอ...เข้าช่วยชีวิต
คนรอดตาย...ยังคงไม่เอ่ยวาจา.. กลับสลักลงไปบนหินใหญ่...
"วันนี้...เพื่อนรักช่วยชีวิตฉันไว้"



เพื่อน...อีกคนไม่เข้าใจ...ถามว่า... เมื่อถูกฉันตบหน้า...เธอเขียนลงทราย..
แล้วทำไมเมื่อครู่...ต้องสลักบนหิน
อีกคนยิ้มพราย...กล่าวตอบ

เมื่อถูกเพื่อนรักทำร้าย... เราควรเขียนมันไว้บนทราย
ซึ่งสายลมแห่งการให้อภัย... จะทำหน้าที่พัดผ่าน...ลบล้างไม่เหลือ

แต่เมื่อมีสิ่งที่ดีมากมาย...บังเกิด
เราควรสลักไว้บนก้อนหินแห่งความทรงจำในหัวใจ
ซึ่งจะไม่มีสายลมแรงเพียงใด...ลบล้างทำลาย

ทำนานความรักตามกรุ๊ปเลือด

>> สไตล์ความรักของคนกรุ๊ปเลือด A
คนกรุ๊ปA มีความรอบคอบนั้นหากคิดจะรักใครสักคนเขาจะใช้ เวลาพอสมควรในการตัดสินใจ จะไม่ค่อยรักใครทันทีที่ได้พบ คนกรุ๊ปนี้จะให้ความสำคัญในการถนอมความรักเพียงหนึ่งเดียว มากกว่าหลายรัก เป็นคนที่มีเหตุผลและรอบคอบ จะไม่ทำอะไรตามใจชอบโดยไม่คำนึงถึงสิ่งอื่น ดังนั้นความรักของคนกรุ๊ป A จึงไม่ใช่ความรักที่เร่าร้อน แต่จะเป็นรักแท้ที่มั่นคง

หนทางสู่การพิชิตรักสาวกรุ๊ป A
ไม่ว ่าจะคิดถึงเขาสักแค่ไหนก็เถอะ สาวกรุ๊ป A จะไม่ยอมเป็นฝ่ายติดต่อไปก่อนอย่างแน่นอน ใจจริงอยากให้เขารู้ถึงความรู้สึกของตน แต่ก็กลัวว่าจะถูกปฏิเสธหรือเพิกเฉย ดังนั้นหากฝ่ายชายเป็นฝ่ายกระตือรือร้นในการเข้าติดต่อ กับฝ่ายหญิงที่มีเลือดกรุ๊ปนี้ก่อนความสัมพันธ์ก็จะก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว ถ้าฝ่ายชายเป็นคนสุภาพเรียบร้อยทั้ง 2 ฝ่ายต่างก็ไม่กล้า แสดงความรู้สึกออกมา ความสัมพันธ์ก็คงไม่ก้าวหน้าขึ้นได้ ดังนั้นฝ่ายชายต้องพยายามหน่อยล่ะ นอกจากนั้น สาวกรุ๊ป A ยังเป็นคนชอบรักแรกพบซะด้วย มีสิทธิ์อกหักเอาง่ายๆนะ แถมยังชอบจินตนาการ เอาเองว่าเขาเป็นอย่างโน้นอย่างนี้ สาวกรุ๊ป A จะไม่ยอมแสดงออก ในเรื่องของความรัก ขืนชักช้า อาจจะสายไปก็ได้ จุดดีของสาวกรุ๊ป A ก็คือความบริสุทธิ์ ความมีเสน่ห์นี้จะแสดงออกทางวิธีการพูด และกิริยาท่าทาง ถ้าสาวกรุ๊ป A ตกแต่งจริตในการพูดซะหน่อย ก็จะมีพลังดึงดูดแรกๆที่คุยอาจจะไม่สนุกสนานแต่ให้จำไว้ว่าอารามณ์ขัน และความสดใสเป็นสิ่งสำคัญลองยิ้มให้เห็นฟันขาวๆ หรือให้เขาเห็นฝ่ามือไม่ก็ลองศึกษาวิธีการพูดและ การแสดงออกของดาวเด่นในโรงเรียนดูก็ได้

หนทางสู่การพิชิตรักหนุ่มกรุ๊ป A
ห นุ่มกรุ๊ป A จะไม่แสดงให้สาวที่เขาแอบชอบรู้สึกตัว ก็เพราะเขาจะมีความหยิ่งในตัวเองสูงจึงไม่ยอมพูด ยิ่งกว่านั้นยังไม่กล้าสบตาสาวที่แอบชอบเวลาพูดคุย มิหนำซ้ำยังแกล้งทำเป็นเย็นชา ไม่สนใจใส่หล่อนซะอีกแหนะ บางทีก็แกล้งพูดเสียดสีทั้งๆที่ตัวเองชอบเธอ พูดง่ายๆคือเป็นคนแพ้ความสวยโดยเฉพาะสาวหน้ารูปไข่ อาจตกหลุมรักแบบรักแรกพบเอาซะดื้อๆ ชอบผู้หญิงรูปร่างแบบบางเพราะดูแล้วบอบบางน่าทะนุถนอม ถ้าจะให้เลือกที่จะชอบสาวที่สนใจทางด้านการฟังเพลง วาดภาพมากกว่าสาวกระฉับกระเฉงชอบเล่นกีฬา เพราะวาดภาพในใจว่าจะได้อ่านหนังสือดูหนัง และร้องไห้ด้วยกัน เกลียดคนไม่ยอมแพ้และสาวใจแข็ง ติดใจผู้หญิงพูดน้อย แต่เก็บความรู้สึกเก่ง



>> สไตล์ความรักของคนกรุ๊ปเลือด B
คนกรุ๊ป B เป็นคนเปิดเผย จะสามารถคบกับเพื่อนผู้ชายได้อย่างสนิทสนมเล่นสนุกกัน เหมือนๆ กับเพื่อนหญิง เพราะเป็นเพื่อนที่รู้ใจกันดี เวลาผ่านไปความสัมพันธ์จากเพื่อนจะเปลี่ยนเป็นคนรักโดยคุณไม่รู้ตัว เป็นจุดเริ่มความรักของคนกรุ๊ป B เมื่อเริ่มคบกันแล้ว ลักษณะนิสัยของคนกรุ๊ป B ที่รักความอิสระก็ไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม แม้กับคนที่ตนรักก็ไม่อยากถูกผูกมัด ยังรักความเป็นอิสระ รักที่เกิดอย่างรวดเร็วก็อาจลดอุณหภูมิลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน ความร้อนแรงในตอนแรกพอนานเข้าก็จะค่อยเยือกเย็นลงไป เป็นความรักที่ค่อนข้างเอาแต่ใจตัวเอง

หนทางสู่การพิชิตรักสาวกรุ๊ป B
ส าวกรุ๊ป B ซึ่งชอบปฏิบัตินั้นทะเล้นและกล้าในเรื่องของ ความรักกล้าหาญที่สารภาพกับเขาก่อนว่า "ชอบ" เขา เมื่อชอบใครแล้วก็จะไม่สนใจผู้คนรอบข้าง ทว่าสาวกรุ๊ป B บางคนอาจเสแสร้งให้คนที่ตัวเองชอบเห็นว่าไม่แยแส เกลียด หรือแกล้งให้เขาลำบาก พอเห็ยเขาก็แกล้งทำอี๋อ๋อกับหนุ่มอื่น นอกจากนี้สาวกรุ๊ป B อาจปิ๊งหนุ่มมากกว่า 2 คนได้ แต่ไม่รู้เหมือนกันว่า คนไหนคือเนื้อคู่ หรือคนที่ตัวเองชอบจริงๆ ผู้ชายอาจจะจัดการ กับสาวนางนี้ยากหน่อย เสน่ห์ของสาวกรุ๊ป B ก็คือท่าทาง ที่แอคทีฟมีพลัง และความน่าไว้ใจ และมีความเก๋อยู่ในตัวเอง สำหรับผมน่าจะเหมาะกับผมสั้นมากกว่าผมยาว และควรใส่กางเกงยีนส์มากกว่ากระโปรง ลองเยื้องกรายเข้าไปในชมรมกีฬา ท่าทางกระฉับกระเฉง เดินไปเดินมาจะเป็นที่จับตามองของหนุ่มๆ

หนทางสู่การพิชิตรักหนุ่มกรุ๊ป B
ถ ้าหนุ่มกรุ๊ป B เกิดไปชอบสาวสักคนก็จะเอาแต่ใฝ่ฝันถึงสาวนั้น เรื่องอื่นๆไม่ยุ่งเลย พอไม่ได้อยู่ใกล้สาวเจ้าจะรู้สึกเซ็ง หงุดหงิด การเรียนไม่สนอาจถึงขนาดเรียนตกต่ำ กลายเป็นคนกระสับกระส่าย จะทำตัวเท่ๆมองดูเป็นผู้ใหญ่ ถึงผู้หญิงจะเกลียดด่าว่ายังไงก็ไม่สน รักเขาแล้วนี่ ไม่ตัดใจง่ายๆหรอก ยิ่งยากเท่าไหร่ยิ่งชอบ หนุ่มกรุ๊ป B เขาแอบหลงรักสาวมีเสน่ห์ตรงที่ริมฝีปากได้รูปสวย ตาสวย ประเภทมีท่าทางเป็นผู้ใหญ่เรียบร้อยมาก สาวปราดเปรียวยิ่งยาวยิ่งดี พอเห็นสาวที่แต่งตัวใส่กระโปรงภูมิฐาน ใจก็ล่องลอยหาซะแล้ว



>> สไตล์ความรักของคนกรุ๊ปเลือด AB
ส าวกรุ๊ป AB จะไม่ชอบให้ใครมาบังคับ ถ้าถูกกดดันมากไปคุณจึงรู้สึกเกลียดเขามากกว่า คุณไม่ชอบความรักที่ร้อนแรง แต่ปรารถนาความรักที่สามารถ เข้าใจกันและกันได้ดี ทั้งในด้านงานอดิเรก ลักษณะนิสัย สาวกรุ๊ป AB จะไม่ใช่คนรักเผื่อเลือกประเภทรักเดียวหลายใจและ ไม่ชอบการแสดงความรักต่อหน้าคนอื่น ความรักของคุณจะเป็นรักที่เรียบง่าย จนดูเหมือนว่าเป็นเพื่อนหรือพี่น้องกันมากกว่า

หนทางสู่การพิชิตรักสาวกรุ๊ป AB
ถ ้าไม่เจอหนุ่มหัวดีก็ไม่มีทางสนใจหรอก จะดูหนุ่มที่วิธีการพูดและจิตใจมากกว่าท่าทาง ความรักเกิดจากความศรัทธาคือในระหว่างที่คบกันจะค่อยๆนับถือเขามากกว่าที่จะ รู้สึก ชอบในทันที หัวใจอาจหวั่นไหว เพราะชายหนุ่มที่เรียนห้องเดียวกัน ในระหว่างที่ทำกิจกรรมด้วยกัน ก็จะประทับใจกับเสน่ห์ของชายหนุ่ม เขาควรจะเป็นคนหัวดีน่าเชื่อถือ สาวกรุ๊ป AB ไม่ใช่สาวธรรมดานะ มีเสน่ห์ซึ่งเป็นเอกลักษณ์แฝงอยู่ เช่น พูดจาดี เดินสวย แสดงออกแบบผู้หญิงน่ารัก มีเสน่ห์ตามแบบธรรมชาติมากกว่าแต่งแต้ม ไม่มีการฝืนและแสดงออกตามเนื้อแท้ เสน่ห์ขั้นสุดยอดคือความรู้สึกสะอาดตามักใส่เสื้อผ้าที่เนี้ยบ สะอาด มือไม้ หน้าตาสะอาดเสมอ นี่แหละคือ เสน่ห์ของเธอและอย่าลืมตรวจเล็บด้วยล่ะว่าสกปรกรึเปล่า


หนทางสู่การพิชิตรักหนุ่มกรุ๊ป AB
ต ่อให้รักยังไง ก็จงเตรียมใจไว้เผื่อ ไม่แสดงออกว่าชอบ ถ้าไม่แน่ใจจะไม่บอกว่าชอบ แม้แต่ผู้หญิงที่หนุ่มกรุ๊ป AB ชอบ แรกๆ ยิ่งนึกว่า"ท่าทางจะเกลียดฉัน"ถึงคบกันแล้วก็ไม่รู้ว่าที่ใจจริงเป็นยังไง แต่บางทีจู่ๆก็สารภาพขึ้นมา เวลาที่อยู่กัน2 ต่อ 2 จึงจะให้จดหมายหรือของขวัญ บางคราวก็ที่แต่งกลอนให้โทรศัพท์ไปหา แต่คุยไม่ออกก็มี หนุ่มกรุ๊ป AB ต้องการหญิงสาวที่มีลักษณะเป็นตัวของตัวเองชอบก็บอกว่าชอบ และยิ่งชอบถ้าผู้หญิงคนนี้ เป็นคนมีความพยายาม ทำอะไรก็ตั้งใจทำจริงไม่เหลาะแหละจิตใจจะสั่นไหวง่าย เมื่อเจอผู้หญิงที่เอาจริงเอาจัง ผู้หญิงเก่งหัวดี ไม่ชอบผู้หญิงธรรมดาๆ ที่มีอยู่ดาษดื่นทั่วไป


>> สไตล์ความรักของคนกรุ๊ปเลือด O
อ อกจะร้อนแรงมากทีเดียวสำหรับคนเลือดกรุ๊ปนี้ ความรักของพวกเขาจริงจัง ถ้ารักใครขึ้นมาล่ะก็จะทำทุกอย่างทีเดียว เพื่อให้รักนั้นสมหวัง ต่อให้มีคู่แข่งเป็นกองทัพก็ไม่ยั่น บางทีก็เกิดอาการเป็นมือที่สามของความรักชาวบ้าน แต่อย่าหวังเลยว่าพวกเขาจะรู้สึกผิด อย่างไรก็ตามคนเลือดกรุ๊ป O ก็ยังยึดถือความรักที่อยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงไม่เลือกคนรักแบบมั่วซั่ ว ต้องดูแล้วดูอีกว่าเข้ากันได้แน่รึเปล่าถึงจะยอมเซย์เยสด้วย และเมื่อมีความรักแล้วก็รู้จักแบ่งแยกเรื่องรักกับเรื่องเรียนเป็นอย่างดี

หนทางสู่การพิชิตรักสาวกรุ๊ป O
ใ นจำนวนสาวทั้ง4กรุ๊ป คนที่จะตกหลุมรักแบบรักแรกพบมากที่สุดก็คือ สาวกรุ๊ป Oนี่แหละ เป็นคนที่ประทับใจใครได้ง่ายๆ หรือจะจดจำภาพแรกที่เห็น เพราะฉะนั้นหัวใจจึงมักสั่นไหว เมื่อเจอคนที่รู้จักตอนไปเที่ยว หรือคนที่เจอะเจอกันระหว่างทางไปโรงเรียนแต่พอมาคิดดูอีกทีภายหลัง แล้วค้นพบข้อบกพร่องของเขา ก็จะกลายเป็นไม่ชอบในทันที เอาแต่คร่ำครวญหารักที่มีอยู่ ในนิยายน้ำเน่าหรือในละคร อารมณ์ของสาวกรุ๊ป O ออกจะแปรปรวน ลุ่มหลงอีกฝ่ายได้ง่ายๆโดยแยกไม่ออกเลย ถ้าอีกฝ่ายเย็นชาเข้าใส่ ถ้าอยากมีเสน่ห์ต้องใช้การแสดงออก ความสวยงามจากใบหน้าที่ยิ้มแย้มจับใจผู้ชายมานักต่อนัก แล้วเวลาที่จะออกเดทกับชายหนุ่มที่ตัวเองปิ๊ง ให้หันหน้าเข้าหากระจก ฝึกทำหน้ายิ้มแบบเก๋ๆ อีกอย่างฟันขาวก็ถือเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่ง เมื่อรวมกับใบหน้าที่ระบายไปด้วยรอยยิ้มแล้วจะทำให้ การพูดคุยของคุณน่ารักมากเลย


หนทางสู่การพิชิตรักหนุ่มกรุ๊ป O
อ ยู่ดีๆเขาก็บอกผู้หญิงว่า "ผมชอบคุณมากนะ" อย่างกะทันหันทำให้เธอตกใจ ชอบทำแบบนี้พอชอบใครในสมองก็มีแต่เรื่องของคนๆนั้น และยังเป็นคนตกหลุมรักง่าย ไม่ทันคิดหรอกว่าอีกฝ่ายจะเป็นยังไง ถ้าไม่สนบางทีก็มีความคิดแบบอ่อนๆว่า ถ้าตัวเองชอบเขาแล้วเดี๋ยวผู้หญิงเขาก็ชอบกลับเอง แต่หนุ่มกรุ๊ป O เป็นคนไม่มีพิษมีภัย ตั้งใจบริการหญิงที่ตัวเองชอบ ใครได้ไปก็นับว่าสาวนั้นโชคดี หนุ่มกรุ๊ป O ชอบสาวเรียบร้อยเป็นแม่บ้านแม่เรือน เกลียดคนที่เห็นแก่ตัวเอาแต่ใจตัว ถูกใจผู้หญิงที่คิดว่าตัวเองเป็นผู้นำได้แต่ไม่แสดงออก ใจดี มีความกล้าหาญ เมื่อถึงเวลาคับขันก็สามารถต่อสู้ฟันฝ่าร่วมกับตัวหนุ่มกรุ๊ป O ได้ นอกจากนี้หนุ่มกรุ๊ป O ยังอยากได้เจ้าสาวที่ทำอาหารเก่งอีกด้วยหละ

เรื่องของหมา แต่คนน่าอ่าน

เจ้าของร้านขายเนื้อสดคนหนึ่งรู้สึกประหลาดใจที่หมาตัวหนึ่งมาที่ร้าน
โดยในปากมันคาบแบงก์ 10 ดอลลาร์และกระดาษเขียนข้อความว่า
"ขอซื้อไส้กรอก 12 ชิ้นกับขาแกะ 1 ขาครับ"
เขารู้สึกประทับใจความแสนรู้ของมัน
ดังนั้น หลังจากเก็บเงิน 10 ดอลลาร์
และเอาไส้กรอกและขาแกะใส่ถุงแขวนที่ปากให้มันคาบไปแล้ว
เขาจึงตัดสินใจปิดร้านสะกดรอยตามมันไป
หมาตัวนั้นเดินไปตามถนนจนถึงทางม้าลาย
มันก็วางถุงที่คาบไว้ลงแล้วยืนด้วยขาหลังและยกขาหน้ากดปุ่มไฟสำหรับคนข้ามถนน
แล้วก็คาบถุงต่อ
รอจนไฟคนข้ามเขียวมันจึงข้ามไปยังป้ายรถเมล์อีกฝั่งหนึ่ง
มันจ้องมองตารางเวลาเดินรถแล้วนั่งลงตรงที่นั่งรอ
สักพักมีรถเมล์คันหนึ่งมา
มันเดินไปดูหมายเลขที่หน้ารถแล้วก็กลับมานั่งรอต่อ
อีกสักเดี๋ยวก็มีรถเมล์มาอีกคัน มันเดินไปดูหมายเลขรถอีก
เมื่อเห็นว่าเป็นสายที่มันรออยู่
มันจึงขึ้นรถเมล์คันนั้น
คนขายเนื้อถึงกับอ้าปากค้าง ทึ่งในความแสนรู้ของมัน
แล้วรีบตามมันขึ้นรถคันนั้นไป
หลังจากรถวิ่งผ่านกลางเมืองออกไปยังชานเมือง
เจ้าหมาแสนรู้ก็ลุกจากที่นั่งเดินไปหน้ารถ
มันยืนด้วยขาหลังแล้วเอาขาหน้ากดกริ่งบนรถ
เมื่อรถจอดมันก็ลงและเดินไปตามถนนจนถึงหน้าบ้านหลังหนึ่งแล้วเลี้ยวเข้าไป
คนขายเนื้อยังสะกดรอยตามมันอยู่ห่างๆ เช่นเดิม
เมื่อมาถึงประตูบ้านที่ปิดอยู่มันก็วางถุงไส้กรอกที่คาบไว้ลง
แล้วถอยหลังมาตั้งหลักประมาณ 2-3 เมตร
จากนั้นก็วิ่งเข้าชนประตูเต็มแรง มันพยายามอยู่ 2-3 ครั้ง
แต่ประตูก็ยังเปิดไม่ออก
มันเลยเดินอ้อมตัวบ้านไปที่หน้าต่างบานหนึ่งที่ปิดอยู่และเอาหัวโขกที่หน้าต่างหลายครั้ง
แล้วก็เดินกลับมารอที่ประตู
สักพักประตูบ้านก็ถูกเปิดโดยเจ้าของหมาเป็นผู้ชายหุ่นล่ำบึ้ก
ถึงตอนนี้คนขายเนื้ออดรนทนไม่ไหว
เขารีบวิ่งเข้าไปห้ามเจ้าของหมา พร้อมกับถามว่า
"คุณเตะมันทำไมกัน มันเป็นหมาสุดอัจฉริยะเท่าที่ผมเคยเห็นมาเลย ถ้าไปออกทีวีต้องดังแน่"
เจ้าของหมาตอบสวนทันทีว่า "คุณว่ามันฉลาดนักเหรอ
เชอะ! รู้มั้ยว่านี่เป็นครั้งที่สองในรอบสัปดาห์นี้นะ ที่มันลืมเอากุญแจบ้านติดตัวไปด้วย"
คติสอนใจจากเรื่องนี้คือ
"เราอาจทำงานได้เกินความคาดหมายในสายตาผู้อื่น แต่ก็ยังทำงานได้ต่ำกว่าเป้าหมายในสายตาของนายเราเสมอ"

เสี้ยวหนึ่งของชีวิต

ถ้าเพื่อนๆอ่านบทความนี้จบ อย่าลืมโทรไปหาพ่อล่ะ เศ้รามาก


เช้าวันศุกร์ ผมตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกกังวลใจเป็นอย่างยิ่ง
อีกสองวันก็ถึงวันที่ผมรอคอยและเตรียมตัวมาตลอด 2 ปี
ผมเรียนพิเศษตลอด 2 ปี ก็เพื่อจุดหมายเดียวที่พ่อหวังไว้
ผมต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่มีชื่อให้ได้

ผมใช้เวลาวันละเกือบสิบชั่วโมง ใน 2 เดือนสุดท้าย
เพื่อเตรียมตัวให้เหนือกว่าคู่แข่ง
ช่วง 2 เดือนนี่เองที่ผมต้องนั่งทำแบบฝึกหัดจนถึงตี 3 ทุกวัน
และก็ทุกวัน พ่อผมจะหากิจกรรมส่วนตัวของเขามานั่งทำเป็นเพื่อน
เรานั่งอยู่ด้วยกันจนเกือบเช้าทุกวัน ทุกๆคืน
ผมจะมีไมโลร้อนๆมาวางอยู่ข้างหน้า
พร้อมๆกับมือของพ่อที่จะคอยตบบ่าให้กำลังใจ คอยเตือนว่า
"นอนได้แล้วหละลูก อย่าเครียดเกินไปเลย"
ผมแทบจะไม่ได้ยินเสียงนั้นลอดหูเข้ามาเลย
มันเป็นเสียงที่คุ้นเคยทุกวัน
จนบางทีก็ออกจะรำคาญที่ถูกเตือนให้นอน

เมื่อคืนก็เป็นเหมือนทุกคืน พ่อยังคงชงไมโลมาให้
แต่แปลกหน่อยตรงที่เมื่อคืนพ่อคุยกับแม่จนดึก
แล้วค่อยมานั่งเป็นเพื่อนผม วันนี้วันศุกร์ อีกสองวันเอง
ผมเดินสวนพ่อเข้าห้องน้ำด้วยความรู้สึกแปลกๆ
รู้สึกว่าอยากจะพูดอะไรด้วย แต่ก็ไม่ได้พูด
ผมเดินไปแปรงฟันและอาบน้ำ
ตอนเดินออกมาพ่อก็ออกไปทำงานเสียแล้ว
วันนี้รู้สึกดีใจเป็นพิเศษ
ผมทำคะแนนจากข้อสอบปีเก่าๆได้คะแนนสูงมากกว่าที่ประเมินไว้
ประมาณสิบเอ็ดโมง ผมทำข้อสอบชุดสุดท้ายเสร็จ
และก็ตั้งใจว่าถัดจากนี้ไป 2 วัน
จะเป็นวันพักผ่อน เพราะไม่ต้องการให้เครียดก่อนวันสอบมาถึง
ผมทำข้อสอบอยู่ชั้นสองของบ้าน
น้องชายก็ขึ้นมาบอกว่าพ่อแวะเอาอาหารเข้ามาให้เรา
ความรู้สึกตอนนั้นผมอยากจะลงไปบอกพ่อว่าทำคะแนนได้ดี
แต่ก็คิดว่าอีกซักเดี๋ยวค่อยลงไป
พอลงไปอีกทีพ่อก็ออกไปทำธุระเสียแล้ว
ผมนั่งดูทีวีอยู่จนกระทั่งบ่ายสามโมง มีโทรศัพท์ดังขึ้น
ผมเดินไปรับ เสียงของผู้หญิงลอดมาตามสาย
ผมจับใจความได้ว่า เค้าพูดถึงชื่อพ่อผม
และก็บอกว่ารถคว่ำเพราะหักหลบเด็กวิ่งข้ามถนน
อาการไม่หนักนัก ผมเขียนโน๊ตไว้บนโต๊ะ
แล้วรีบไปโรงพยาบาล ในใจตอนนั้น
คิดว่าไปถึงพ่อคงใส่เฝือกอะไรแค่นั้น
พอไปถึงอาผมก็ไปถึงพร้อมกันพอดี
หมอนำเอกสารอนุญาติให้ผ่าตัดมาให้เซ็นต์
แล้วก็บอกว่าตอนนี้อยู่ห้อง X-Ray
อาการไม่ค่อยดี เลือดคั่งในสมองต้องผ่าตัดด่วน
แล้วเค้าก็เอาตัวพ่อเค้าห้องผ่าตัด
ผมไม่ได้เจอพ่อเลย ตอนเย็นแม่มา ก็สั่งให้เรากลับบ้าน
มีอะไรจะโทรไปบอก

เช้าวันเสาร์แม่โทรมาบอกว่าตอนนี้พ่ออาการดีขึ้นแล้ว
อยู่ห้อง ICU แต่ยังไม่ได้สติ
ผมตัดสินใจบอกแม่ว่าวันจันทร์ผมไม่เข้าสอบ
ผมอยากเฝ้าอาการพ่อ แม่รีบกลับมาบ้าน
โดยให้อาเฝ้าที่โรงพยาบาลแทน
แล้วก็บอกกับผมว่ารู้รึเปล่าว่าพ่อเค้าอยากให้ผมสอบติดแค่ไหน
แล้ววันนี้ที่เค้ารีบออกไป รู้ไหมว่าเค้าไปไหน ผมบอกว่า "ไม่รู้"
แม่ขอร้องให้ผมไปเข้าสอบ แล้วแม่ก็บอกว่า
"พ่อเค้ากำลังจะไปบนพระพรหม ขอให้ลูกสอบติด
แต่รถคว่ำเสียก่อน"
วันนั้นผมบอกแม่ว่าผมกลัวว่าพ่อได้สติขึ้นมาแล้วจะรู้ว่า
ผมไม่เข้าสอบ และจะเสียใจ ผมตกลงเข้าสอบ
ผมหลบเข้าห้องน้ำ ยืนนิ่งแล้วก็ร้องไห้ออกมาไม่หยุด
เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่าต้องเจอกับปัญหาที่หนักมาก
ผมร้องไห้อยู่นานมาก ............

วันอาทิตย์แม่โทรมาบอกว่าพ่อได้สติแล้ว แต่ยังไม่ให้ผมไปเยี่ยม
บอกแค่ว่าขอให้สอบให้เสร็จก่อน ทางนี้แม่จะดูแลเอง
ผมสบายใจขึ้น คิดอย่างเดียวว่าพ่อจะต้องดีใจถ้ารู้ว่าผมสอบติด
ผมมั่นใจมาก ทุกๆวันอาการของพ่อดีขึ้นเรื่อยๆ
แต่แม่ก็ไม่ยอมให้ผมไปเยี่ยม
ผมและน้องเข้าสอบพร้อมกันอยู่ 5 วันจนเสร็จ
ที่แรกที่ผมและน้องไป คือโรงพยาบาลทั้งชุดนักเรียนแบบนั้นแหละ
ผมไปถึงแม่และอาก็ยังคงอยู่หน้าไอซียู
แม่ถามว่าสอบเสร็จแล้วเหรอ
ผมบอกว่าเสร็จแล้ว ทำข้อสอบได้ไม่ดีนัก แต่มั่นใจว่าน่าจะติดที่ไหนสักแห่ง
แม่ให้เข้าไปเยี่ยมพ่อ


พอผมเห็นพ่อ ผมยืนตัวแข็งเดินต่อเข้าไปไม่ได้
พ่อผมถูกโกนศรีษะเพื่อผ่าตัด
พ่อยังไม่ฟื้น แม่ขอโทษ แม่บอกว่าอาการจริงๆดีขึ้น
แต่ยังไม่รู้สึกตัว ผมเดินเข้าไปกุมมือพ่อ ผมเริ่มน้ำตาคลอ
แต่ก็บอกกับพ่อว่าผมสอบเสร็จแล้ว
รีบตื่นมาดูผลสอบด้วยกันนะ ทุกคนเห็นว่านิ้วมือพ่อขยับได้
นิ้วมือเขาขยับได้จริงๆ นางพยาบาลเดินเข้ามาดูอาการ
แล้วก็บอกกับผมว่าอย่างนี้คงไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว


วันรุ่งขึ้นตอนหกโมงเช้า แม่ไปถึงโรงพยาบาล
โทรกลับมาบ้านแต่เช้า บอกว่าข้างเตียงบอกว่าเมื่อคืนเห็นพ่อลืมตามองไปรอบๆ
แม่ดีใจมาก
ผมบอกว่าผมจะรีบไปก่อนแปดโมง

........... ซักเจ็ดโมงนิดๆ แม่โทรมาอีกครั้ง
แม่บอกว่าให้เอาเสื้อสูทของพ่อไปด้วย.....
ตอนนั้นผมร้องไห้ออกมาทันที
ผมรู้ว่าแม่หมายถึงอะไร ผมรู้ว่าผมได้สูญเสียคนที่ผมรักที่สุดในชีวิตไปแล้ว
ผมไม่มีโอกาสจะได้คุยกับพ่ออีกแล้ว
พ่อรอจนกระทั่งผมสอบเสร็จ ........
พ่อรอจนกระทั่งลูกของพ่อเดินไปบอกว่าสอบได้แล้วพ่อถึงไปอย่างสงบ ...........
ครั้งเดียวในชีวิตที่ผมร้องไห้มากที่สุด
ผมจะไม่มีใครชงไมโลมาให้อีกแล้ว
ผมจะไม่มีใครมาคอยตบบ่าให้กำลังใจ
ผมจะไม่มีวันได้พูดว่ารักพ่อ........... ทั้งๆที่เค้าคือคนที่ผมรักที่สุด

วันนี้เวลาผ่านไปเกือบสิบปี สิ่งหนึ่งที่ยังคงทำให้ผมเสียใจมาจนถึงทุกวันนี้
คือวันศุกร์เมื่อสิบปีที่แล้ว
ผมเดินสวนกับพ่อโดยที่ไม่ได้คุยกับพ่อซักคำ
ผมควรจะได้พูดว่าผมรักพ่อมากแค่ไหน แต่ผมก็เดินสวนไปเฉยๆ
ทุกวันนี้ผมไม่เคยหยุดที่จะคิดเมื่อเวลาบอกคนที่ผมรักว่าผมรักเค้ามากแค่ไหน
ผมจะไม่ยอมเสียใจกับสิ่งที่ผมไม่ได้ทำอีก …….


"พ่อครับ...ผมรักพ่อ"


บทความนี้ดีมาก อยากหั้ยเพื่อนๆ อ่านกันน่ะ แล้วก็โทรไปบอกรักพ่อด้วย
<หนูก็รักพ่อ> from เอื้อง

เนื้อเพลง คราม

Bodyslam - คราม
ทำนอง อาทิวราห์ คงมาลัย / พูนศักดิ์ จตุระบุล
เนื้อร้อง ขจรเดช พรมรักษา / อาทิวราห์ คงมาลัย
เรียบเรียง Bodyslam

ลึกลงเท่าไรก็ยิ่งมืดมน ค้นไปเท่าไรก็ยิ่งสับสน
ส่วนลึกในใจคน ใครจะรู้จริง
ทะเลกว้างไกลและใครเล่าจะรู้ว่า สุดเส้นขอบฟ้า
ตรงที่แผ่นน้ำเป็นประกาย ลึกลงจะเจออะไร
จะมีสิ่งใด ภายใต้แผ่นน้ำสุดไกล ที่ซ่อนอยู่
ที่เธอเคยมองมันว่าดี เธอลองมองให้ดีๆ
ลองหยุดมองและลองคิดอีกที
ถ้าหากทุกสิ่งที่เห็น ถ้าหากทั้งหมด นั้นเป็นภาพลวงตา
ทะเลแสนไกลไม่มีสิ้นสุด สีครามหมายความเหมือนใจมนุษย์..
มันลึกเกินจะรู้..
เธอจะอยู่หรือไป สักวัน ถ้าคนที่เธอเคยไว้ใจ
ถึงตอนสุดท้ายไม่เป็นอย่างฝัน มันไม่มีอะไรสวยงาม
สิ่งที่อยู่ข้างใน หัวใจ ที่ใครไม่เคยหยั่งถึง
ถ้าหากตรงนั้น มันอันตราย ที่สุดจะมีใครเข้าใจ ข้างในใจฉัน
ฟ้างดงามเพียงใด แต่อย่างไร มันก็ต้องมืดมน
ไม่ว่าใคร ต้องมีความจริงเก็บเอาไว้
อยู่ในใจของคน เธอรู้ใช่ไหม โอ..โอ..โอ..
ความจริงกับความฝัน ที่ยังค้นไม่เจอ ฉันหวั่นใจ
ถ้าในวันนั้น ความเป็นจริง มันไปทำร้ายเธอ
ให้เธอเสียใจ โว.. โอ.. โอ.. โอ.
ทะเลแสนไกลไม่มีสิ้นสุด สีครามหมายความเหมือนใจมนุษย์
มันลึกเกินจะรู้..
เธอจะอยู่หรือไป สักวัน ถ้าคนที่เธอเคยไว้ใจ
ถึงตอนสุดท้ายไม่เป็นอย่างฝัน มันไม่มีอะไรสวยงาม
สิ่งที่อยู่ข้างใน หัวใจ ที่ใครไม่เคยหยั่งถึง
ถ้าหากตรงนั้น มันอันตราย ที่สุดจะมีใครเข้าใจ ข้างในใจฉัน
ความลับสีคราม ไม่มีใครรู้ใครเข้าใจ คำตอบ ฉันคือใคร
ฟากฟ้าทะเลมืดหม่น ความงามที่โหดร้าย
ขอเพียงใคร คนหนึ่งคนนั้นที่เข้าใจ ที่สุด
ฉันคือใคร.. และพร้อมที่จะก้าวผ่าน
เธอจะอยู่หรือไป สักวัน ถ้าคนที่เธอเคยไว้ใจ
ถึงตอนสุดท้ายไม่เป็นอย่างฝัน มันไม่มีอะไรสวยงาม
สิ่งที่อยู่ข้างใน หัวใจ ที่ใครไม่เคยหยั่งถึง
ถ้าหากตรงนั้น มันอันตราย ที่สุดจะมีใครเข้าใจ ข้างในใจฉัน
ความลับสีคราม ไม่มีใครรู้ใครเข้าใจ คำตอบ ฉันคือใคร
ฟากฟ้าทะเลมืดหม่น ความงามที่โหดร้าย
ขอเพียงใคร คนหนึ่งคนนั้นที่เข้าใจ ที่สุด ฉันคือใคร
ใครกันพร้อมที่จะก้าวผ่าน ความจริงที่โหดร้าย..

หนุ่มนักพนัน

ที่บาร์แห่งหนึ่งมีการเปิดเดิมพันที่เลื่องชื่อและให้รางวัลเป็นเงินที่สูงลิปลิ่ว
กับผู้ที่รับคำท้าและชนะเงื่อนไข
โดยเงื่อนไขมีอยุ่ว่า
1. ผู้รับคำท้าจะต้องล้มคนคุ้มบาร์ร่างยักษ์ให้ได้ใน1หมัดเท่านั้น
2. ต้องเดินไปที่หลังบาร์และลงไปสู้กะจรเข้ยักษ์ที่อาศัยอยุ่ในบ่อเพื่อ
เอาเขี้ยวแหลมๆของมันมาให้ได้
3. ผู้รับคำท้าต้องมีเซ๊กส์กับ หญิงแก่ที่ไม่เคยเสร็จสมกะใครให้เค้ายอมรับ
และพอใจ
จึงจะถือว่าเป็นผู้ชนะและพิชิตเงินรางวัลไป

ในคืนนึงที่บาร์แห่งนี้ มีชายหน้าคมคายเดินตรงเข้าไปหาเจ้าของบาร์และ
ประกาศรับคำท้าที่ไม่มีใครเคยทำได้มาก่อน

ชายคนนั้นสั่งเหล้าอย่างที่คนธรรมดาแค่ดมก็เมามา2แก้วเต็มๆแล้วดื่ม
พรวดๆหมดในทันที...หลังจากนั้นก็เดินตรงไปที่คนคุ้มบาร์ร่างยักษ์
และซัดด้วยหมัดขวาเข้าไปที่ปลายคาง

ผู้คุมบาร์ถึงกับสลบในหมัดเดียว ..คนที่เที่ยวบาร์ในคืนนั้นถึงกับเงียบกริปและกำลังทึ้งกับเหตุการณ์
ชายผู้รับคำท้าตรงไปที่ประตูหลังบาร์ทันทีและออกไปเพื่อหาจรเข้
เสียงปิดปัง~~~พร้อมกับเสียงโดดน้ำดังตูม ตามมาด้วยเสียงจรเข้
และเสียงอักกะทึกแต่ไม่มีแขกคนไหนกล้าตามชายคนนั้นไปดู
พักใหญ่เสียงก็เงียบลง ประตูหลังบาร์ถูกเปิดออกพร้อมกับชายที่รับคำท้า
เดินตรงเข้ามาหาเจ้าของบาร์
ชายคนนั้นเสื้อขาดวิ้นร่างเต็มไปด้วยโคลน...ชายรับคำท้าตะโกนถามชายเจ้าของบาร์ด้วยเสียงเมาๆว่า

แล้วอีแก่เขี้ยวแหลมอยุ่ไหนวะ กรูจาไปถอนเขี้ยวมัน
เจ้าของบาร์ :.....
(นิทานเรื่องนี้สอนให้รุ้ว่า...เมาแล้วอย่าไป!เข้..Q

ทัพพีที่หายไป

เมื่อวินัยเชิญแม่ของเขามากินมื้อค่ำที่อพาร์ทเมนท์
ซึ่งเขาอยู่กับสาวสวยชื่อนิสา
คุณแม่จึงอดเคลือบแคลงในความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไม่ได้
ระหว่างร่วมโต๊ะมื้อเย็นนั้นเอง
คุณแม่ของวินัยเฝ้าสังเกตสายตาที่ทั้งคู่มองสบกัน
จนลูกชายชักเดาใจออก จึงรีบพูดขึ้นว่า
“ผมรู้นะว่าแม่กำลังคิดอะไร .. แต่ผมยืนยันได้แน่ว่า
ผมกับนิสาเป็นแค่รูมเมทเท่านั้น ไม่มีอะไรเกินเลยจริงๆ”
หลังจากแม่ของวินัยกลับไปได้ 1 อาทิตย์ นิสาจึงบอกวินัยว่า
“ตั้งแต่แม่ของคุณมาเยี่ยมเราคราวนั้น ฉันก็หาทัพพีคันโปรดไม่เจอเลย
ที่จริง..ฉันก็ไม่คิดว่าแม่ของคุณจะเอาไปหรอกนะคะ หรือคุณว่ายังไง”
วินัยจึงตอบว่า “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่จะลองเขียนจดหมายไปถามคุณแม่ดู”
วินัยจึงนั่งลงเขียนจดหมาย เนื้อความว่า..
“เรียน คุณแม่สุดที่รัก..
ผมไม่ได้คิดว่าคุณแม่จะเผลอเอาทัพพีที่บ้านผมไปหรอกนะครับ
แต่จะว่าแม่ไม่ได้เอาไป..... ก็ยังไงอยู่ เพราะทัพพีสวย ๆ
คันหนึ่งหายไปตั้งแต่วันที่คุณแม่มาทานข้าวเย็นที่บ้าน
ขอแสดงความนับถือ
วินัย”
หลายวันต่อมา วินัยได้รับจดหมายตอบจากแม่ของเขา เนื้อความว่า..
“ถึง ลูกชายสุดที่รักของแม่
แม่ไม่เคยพูดว่าลูกมีอะไรกับนิสา
แต่แม่ก็ไม่ได้คิดว่าลูกจะไม่มีอะไรกับเธอ
เพราะความจริงมีอยู่ว่า ถ้านิสานอนที่ห้องตัวเอง ก็คงเจอทัพพีนั่นไปตั้งนานแล้ว
รักมาก
แม่”

ดูแลเค้าให้ดีดี

"ชีวิตของฉันอย่างมากสิ้นสุดแค่ 10-15 ปีเท่านั้น การที่ต้องแยกจากเธอไม่ว่าด้วยเหตุผลใด
นับเป็นความปวดร้าวอย่างยิ่งของฉัน จึงโปรดพึงสังวรให้จงหนัก ก่อนจะรับฉันเข้ามาในชีวิตเธอ"

"ให้เวลากับฉันสักหน่อย เพื่อทำความเข้าใจให้ชัดเจน ว่าเธอต้องการอะไรจากฉัน"

"จงเชื่อมั่นในตัวฉัน เพราะมันเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง สำหรับความเป็นอยู่ของฉัน"

"อย่าโกรธฉันให้นานนัก และอย่าลงโทษฉันด้วยการกักขัง เธอมีทั้งหน้าที่การงาน
ความบันเทิง และมิตรสหาย แต่ฉันนั้นมีเพียงแค่เธอ"

" พูดกับฉันบ้าง แม้ฉันจะไม่เข้าใจคำพูด แต่ฉันก็เข้าใจเธอได้จากน้ำเสียง"

" พึงระลึกอยู่เสมอว่า ไม่ว่าเธอปฏิบัติอย่างไรต่อฉัน ฉันจะไม่มีวันลืมเลือนเลย "

"โปรดอย่าทุบตีฉัน แม้ฉันจะทุบตีเธอกลับไม่ได้ แต่ฉันก็สามารถจิก กัด ข่วน
หรือตะกุยเธอได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ฉันไม่อยากทำเลย"

" ก่อนจะดุด่าฉันสำหรับท่าทีที่คล้ายไม่เชื่อฟัง ดื้อดึงเกียจคร้าน ขอจงได้ถามตัวเธอเองก่อนว่า
เกิดสิ่งผิดปกติกับตัวฉันหรือไม่ บางทีอาจมาจากเรื่องของอาหาร หรือถูกทิ้งไว้กลางแดดนานเกินไป
หรือหัวใจของฉันแก่ชราและอ่อนล้าเสียแล้ว "

" ดูแลฉันเมื่อยามแก่เฒ่าด้วย เพราะว่าวันหนึ่งเธอก็ต้องเป็นเช่นนั้นเหมือนกัน"

" อยู่กับฉันเมื่อช่วงสุดท้ายของชีวิตมาถึง ขออย่าได้พูดเป็นอันขาดว่าเธอทนดูฉันไม่ได้
หรือพูดว่า ขออย่าให้มันเกิดขึ้นต่อหน้าเธอเลย เพราะเรื่องราวทั้งหมดจะง่ายขึ้น
หากเธออยู่เคียงข้างฉันจนสิ้นลม ท้ายที่สุดโปรดรำลึกไว้เสมอว่า .. " ฉันรักเธอ"

สัตว์เค้าพูดไม่ได้คับ แต่เค้ารับรู้ได้ด้วยการกระทำของเจ้าของ